พินัยกรรม คือ คำสั่งครั้งสุดท้าย ซึ่งแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินหรือ กิจการต่าง ๆของผู้ทำพินัยกรรม เพื่อที่จะเกิดผลบังคับตามกฎหมายในเมื่อผู้ทำพินัยกรรมถึงแก่ความตาย โดยทำแบบใดแบบหนึ่งที่กฎหมายกำหนดไว้ (ป.พ.พ. มาตรา 1646 – 1648)
#หากไม่ทำตามแบบ พินัยกรรมก็จะตกเป็นโมฆะ
แบบของพินัยกรรม
1.พินัยกรรมแบบธรรมดา (ป.พ.พ. มาตรา 1656)
วิธีทำพินัยกรรมแบบนี้ “ผู้ทำพินัยกรรม” จะต้องทำเป็นหนังสือ ซึ่งจะเขียนหรือพิมพ์ข้อความพินัยกรรมลงบนกระดาษก็ได้ จำนวนกี่แผ่นก็ได้ ตามแต่รายละเอียดมากน้อยที่ต้องการแจกแจงลงไป และต้องลงวันเดือนปีที่ทำให้ชัดเจน
สำหรับวิธีนี้ ผู้ทำจะต้องลงลายมือชื่อต่อหน้า “พยาน” อย่างน้อย 2 คนพร้อมกัน และพยาน 2 คนต้องลงลายมือชื่อรับรองการทำพินัยกรรมในขณะทำด้วย
2.พินัยกรรมเขียนเองทั้งฉบับ (ป.พ.พ. มาตรา 1657)
การทำพินัยกรรมวิธีนี้ อาจเรียกได้ว่า เรียบง่ายที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นพินัยกรรมที่ผู้ทำเขียนขึ้นด้วยตัวเอง และไม่จำเป็นต้องมีพยานก็ได้
โดยวิธีการ คือ ผู้ทำพินัยกรรมจะต้องเขียนพินัยกรรมด้วย “ลายมือตัวเอง” ทั้งฉบับ ลงวันเดือนปีที่ทำ และอย่าลืมลงลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมด้วย โดยกรณีการทำพินัยกรรมแบบนี้ จะมีพยานมารับรู้การทำพินัยกรรมหรือไม่มีก็ได้
3.พินัยกรรมทำเป็นเอกสารฝ่ายเมือง (ป.พ.พ. มาตรา 1658)
การขอทำพินัยกรรมเป็นเอกสารฝ่ายเมือง ผู้ร้องสามารถยื่นคำร้องขอให้กรมการอำเภอ (นายอำเภอ) อำเภอใดก็ได้ ดำเนินการให้ตามความประสงค์ ดังนี้
คำอธิบายขั้นตอนการทำพินัยกรรมเป็นเอกสารฝ่ายเมือง
- ผู้ทำพินัยกรรม แจ้งข้อความที่ตนประสงค์จะให้ใส่ไว้ในพินัยกรรมของตนแก่นายอำเภอต่อหน้า พยานอีกอย่างน้อยสองคนพร้อมกัน
- นายอำเภอจดข้อความที่ผู้ทำพินัยกรรมแจ้งให้ทราบแล้วนั้นลงไว้ และอ่านข้อความนั้น ให้ผู้ทำ พินัยกรรมและพยานฟัง
- เมื่อผู้ทำพินัยกรรมและพยานทราบแน่ชัดว่า ข้อความที่นายอำเภอจดนั้นเป็นการถูกต้องตรงกัน กับที่ผู้ทำพินัยกรรมแจ้งไว้แล้ว ให้ผู้ทำพินัยกรรมและพยานลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญ
- ข้อความที่นายอำเภอจดไว้นั้น ให้นายอำเภอลงลายมือชื่อ และลงวัน เดือน ปี จดลงไว้ด้วยตนเอง เป็นสำคัญว่า พินัยกรรมนั้นได้ทำถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่ระบุไว้ข้างต้น แล้วประทับตราตำแหน่ง ไว้เป็นสำคัญ
– การทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง ไม่จำเป็นต้องทำในที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอเสมอไป ถ้าผู้ทำร้องขอจะทำนอกที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอก็ได้ เมื่อทำพินัยกรรมเสร็จแล้ว ถ้าผู้ทำพินัยกรรม ไม่มีความประสงค์จะขอรับเอาไปเก็บรักษาเองโดยทันทีแล้ว ให้เป็นหน้าที่ของนายอำเภอจัดเก็บรักษา พินัยกรรมนั้นไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอ หรือกิ่งอำเภอก็ได้
– เมื่อความปรากฏว่า ผู้ทำพินัยกรรมถึงแก่ความตายแล้ว ผู้จัดการมรดก หรือผู้ได้รับทรัพย์มรดก โดยพินัยกรรม หรือโดยสิทธิโดยธรรมเป็นจำนวนมากที่สุด หรือผู้ซึ่งทำพินัยกรรมให้ จะขอรับพินัยกรรม ไปไว้ โดยแสดงหลักฐานการตายของผู้ทำพินัยกรรม เมื่อสอบสวนเป็นที่พอใจแล้ว ให้นายอำเภอมอบ พินัยกรรมนั้นให้ไป
4.พินัยกรรมทำเป็นเอกสารลับ (ป.พ.พ. มาตรา 1660)
ผู้ทำพินัยกรรมทำพินัยกรรม (อาจเขียนหรือพิมพ์) แล้วลงลายมือชื่อตัวเอง และปิดผนึกพินัยกรรมพร้อมทั้งลงลายมือชื่อทับรอยผนึก
จากนั้นให้นำพินัยกรรมที่ปิดผนึกและลงลายมือชื่อทับแล้ว ไปแสดงต่อเจ้าพนักงาน ณ สำนักงานเขต (กทม.) หรือที่ว่าการอำเภอ (ตจว.) พร้อมทั้งพยานอย่างน้อย 2 คน และแจ้งต่อบุคคลเหล่านี้ว่า พินัยกรรมนี้เป็นของตน
เจ้าหน้าที่จะจดถ้อยคำของผู้ทำพินัยกรรม และลงวันเดือนปีที่ทำพินัยกรรมไว้บนซอง และประทับตราตำแหน่ง โดยผู้ทำพินัยกรรม, พยาน และเจ้าหน้าที่ต้องลงลายมือชื่อไว้หน้าซองตรงที่ปิดผนึก
5.พินัยกรรมทำด้วยวาจา (ป.พ.พ. มาตรา 1663)
การทำพินัยกรรมในกรณีนี้ เกิดขึ้นเมื่อผู้ต้องการทำพินัยกรรมอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถทำพินัยกรรมตามแบบอื่นที่กฎหมายกำหนดได้ เช่น อยู่ในที่อันตราย ฯลฯ ก็สามารถทำพินัยกรรมแบบทำด้วยวาจาได้ โดยผู้ทำพินัยกรรมต้องแสดงเจตนาทำพินัยกรรมต่อหน้า “พยาน” ที่อยู่ตรงหน้าอย่างน้อย 2 คนพร้อมกัน
พยานต้องรับฟังข้อความนั้น แล้วรีบไปแจ้งต่อราชการโดยเร็วที่สุด คือ ไปสำนักงานเขต สำหรับ กทม. หรือที่ว่าการอำเภอ สำหรับต่างจังหวัด โดยให้แจ้งข้อความที่ผู้ทำพินัยกรรมสั่งไว้ด้วยวาจา พร้อมทั้งแจ้งวัน เดือน ปี และสถานที่ทำพินัยกรรม รวมถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
เจ้าหน้าที่จดข้อความที่ได้รับแจ้ง พร้อมทั้งให้พยานที่มาแจ้งลงลายมือชื่อ (ในกรณีไม่อาจลงลายมือชื่อก็ให้พิมพ์ลายนิ้วมือและให้พยานที่หามาใหม่อย่างน้อย 2 คน ลงลายมือชื่อรับรอง)
6.พินัยกรรมแบบทำตามกฎหมายต่างประเทศ กรณีคนไทยที่อยู่ต่างประเทศต้องการทำพินัยกรรม มีสิทธิเลือกทำตามแบบของกฎหมายประเทศที่ตนอยู่ทำพินัยกรรมก็ได้ หรือจะทำแบบของกฎหมายไทยก็ได้